วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ชะอำ-หัวหิน ไม่ซ้ำรอยพัทยา

ตั้งแต่วันนี้ไปจนสิ้นสุดสัปดาห์

ถือเป็นห้วงสำคัญของประชาชนชาวไทยและประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง

เพราะจะเข้าสู่ช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรืออาเซียนซัมมิต ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่วันที่ 23-25 ตุลาคมนี้

โดยในช่วงตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคมเป็นต้นไป จะมีการประชุม เตรียมการในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน

รวมทั้งการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน และคณะผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านกฎหมายว่าด้วยกฎบัตรอาเซียน

และในวันที่ 23 ตุลาคม จะมีพิธีเปิดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 15 อย่างเป็นทางการ โดยจะมีผู้นำประเทศอาเซียน 10 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่

ไทย ลาว กัมพูชา พม่า สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์

รวมทั้งผู้นำประเทศคู่เจรจา ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

นับได้ว่าเป็นการประชุมนานาชาติครั้งสำคัญยิ่ง

โดยประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ก่อนที่จะหมดวาระประธานอาเซียนในสิ้นปีนี้

เหนืออื่นใด การเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและผู้นำประเทศคู่เจรจา ที่ชะอำและหัวหิน ในวันที่ 23-25 ตุลาคมนี้

ถือเป็นการจัดประชุมนัดล้างตาครั้งสำคัญ

หลังจากการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชพัทยา จังหวัดชลบุรี เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ต้องล่มกลางคัน

เพราะเกิดเหตุการณ์จลาจล กลุ่มม็อบเสื้อแดงยกพลบุก โรงแรมสถานที่จัดประชุม ตะลุยเข้าไปถึงขอบเวทีประชุมผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจา

ส่งผลให้บรรดาผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ รวมทั้งผู้นำประเทศคู่เจรจาที่กำลังร่วมวงประชุม

ต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน โดดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ลุยทะเลลงเรือเร็ว หนีตายกันจ้าละหวั่น

สื่อต่างประเทศรายงานเหตุการณ์เป็นข่าวใหญ่โตฉาวโฉ่ไปทั่วโลก

ภาพพจน์ประเทศไทยเสียหายยับเยิน การท่องเที่ยวและการลงทุนของประเทศได้รับผลกระทบไปเต็มๆ

หนำซ้ำยังเกิดเหตุต่อเนื่องจลาจลม็อบเสื้อแดงกลางกรุงเทพฯ ในช่วงสงกรานต์

แม้รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สามารถหยุดยั้งเหตุการณ์จลาจลไว้ได้ในระยะเวลาอันสั้น

แต่ประเทศไทยก็ถูกนานาชาติจับตามองว่า สุ่มเสี่ยงจะกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว

อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์มาถึงวันนี้ ประเทศไทยกำลัง เป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ที่ชะอำ-หัวหิน ซึ่งถือว่าเป็นการจัดประชุมนัดแก้ตัว

สภาวะของการลุ้นระทึกกลับมาอีกครั้ง

เพราะหลายฝ่ายหวั่นเกรงว่าอาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยที่พัทยา

ที่แน่ๆในส่วนของรัฐบาล ได้เน้นหนักในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยในการจัดประชุมอาเซียนซัมมิตครั้งนี้เป็นพิเศษ

ถึงขั้นที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่หลายตำบลในอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่วันที่ 12-27 ตุลาคม

สั่งระดมกำลังทหารทุกเหล่าทัพนับหมื่นนาย พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ เข้าไปดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน แบบเต็มอัตราศึก

ใช้มาตรการป้องกันเหตุป่วนอย่างเข้มข้น

ทั้งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ประกาศเปรี้ยงว่าจะไม่ยอมให้มีเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้น เหมือนกับที่พัทยาอย่างเด็ดขาด

เพราะจะยอมให้พลาดอีกไม่ได้

เหนืออื่นใด ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดล่าสุด ยังได้มีการ ประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 15-25 ตุลาคม ตามมาอีกระลอก

ซึ่งจุดนี้ทำให้มีคำถามตามมาว่า รัฐบาลบ้าจี้หรือเปล่า เป็นเรื่องกลัวเกินเหตุหรือไม่

เพราะไปจัดประชุมอาเซียนซัมมิต ไกลถึงชะอำ-หัวหิน แถมมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯในเขต 2 อำเภอไปแล้ว

ทำไมต้องมาประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตดุสิต กรุงเทพฯอีก

จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น "ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ" มองว่า ถ้าเป็นเรื่องของความบ้าจี้ของรัฐบาล ก็คงอยู่บนพื้นฐานยึดหลักปลอดภัยไว้ก่อน

เนื่องจากเคยมีบทเรียนและประสบการณ์มาแล้วจากเหตุการณ์ ความวุ่นวายล้มการประชุมที่พัทยา และเหตุการณ์จลาจลต่อเนื่อง สงกรานต์เลือดในกรุงเทพฯ

แต่ถ้ารัฐบาลไม่บ้าจี้ ก็แสดงว่า

ต้องมีข่าวทางลึก มีรายงานข่าวกรองในทางลับ

โดยเฉพาะประเด็นที่อาจจะมีบางฝ่ายเคลื่อนไหวก่อกวน สร้าง ความปั่นป่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ ในช่วงที่มีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน

ขณะเดียวกัน นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายก-รัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกฯ ได้ออกมาชี้ถึงเหตุผลที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯในพื้นที่เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ว่า

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) รายงานว่า สถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมเป็นต้นไป มีแนวโน้มเกิดความรุนแรง เกิดภาวะไร้เสถียรภาพจากการเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มที่ปลุกระดมและชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง

โดยมีกำหนดเคลื่อนพลมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลและสถานที่ราชการในพื้นที่เขตดุสิต ดังนั้น เพื่อความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง จึงต้องประกาศ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯ ในพื้นที่เขตดุสิต ควบคู่กับการประกาศ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

พร้อมเน้นย้ำ การประกาศ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯในกรุงเทพฯ เป็นการกำหนดมาตรการ เพื่อให้การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนระหว่างวันที่ 23-25 ตุลาคม เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

เพราะหลายฝ่ายเชื่อว่า ทั้ง 2 ส่วนมีความเชื่อมโยงกัน หากเกิดความไม่สงบในกรุงเทพฯ ย่อมเกิดผลกระทบต่อการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนแน่นอน เพราะหากรัฐบาลประกาศ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯที่อำเภอชะอำและหัวหิน เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่จะลงไปทำงานในพื้นที่

หากฝ่ายตรงข้ามนัดชุมนุมในกรุงเทพฯ พยายามสร้างความ โกลาหล หรือทะลักเข้าไปในสถานที่ราชการ เช่นทำเนียบฯ ย่อม ทำให้ต่างชาติมองภาพว่า

รัฐบาลไทยไม่มีขีดความสามารถในการจัดการพื้นที่สำคัญ ได้ และอาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางมาร่วมประชุมของผู้นำชาติต่างๆแน่นอน

นี่คือมูลเหตุสำคัญ ที่รัฐบาลต้องใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯในพื้นที่เขตดุสิต กทม.

สะท้อนให้เห็นชัดว่า รัฐบาลพยายามใช้มาตรการป้องกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ ผ่านไปได้ด้วยดี

เพราะคราวนี้ประเทศไทยจะพลาดไม่ได้อีกแล้ว

ถ้าผิดพลาด เกิดความเสียหายขึ้นในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน รัฐไทยในสายตาชาวโลกจะไม่มีอะไรเหลิือ

ความเชื่อมั่นรัฐไทย กู่ไม่กลับแน่

ขณะเดียวกัน เมื่อหันไปมองความเคลื่อนไหวของฝ่ายที่เคยขับเคลื่อนการเมืองนอกสภาฯจนทำให้การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา ต้องล้มไม่เป็นท่า

ปรากฏว่ามาคราวนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงได้มีการประกาศเคลื่อนไหว แบบ "แดงทั้งเดือน"

ไล่มาตั้งแต่ 11 ตุลาคม ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้

17 ตุลาคม ชุมนุมที่ถนนพิษณุโลก ข้างทำเนียบรัฐบาล ทวงถามรัฐบาลเรื่องที่ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

24 ตุลาคม จะนัดชุมนุมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนอกสภาฯ

แต่ละย่างก้าว มีเสียงขู่ฮึ่มๆ โยงไปถึงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ชะอำ-หัวหิน อยู่ตลอดเวลา

ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณเอง ที่ในช่วงหลังสื่อนานาชาติให้ ความสำคัญน้อยลง ก็พยายามหันมาใช้สื่อส่วนตัว ทั้งการโฟนอิน วีดิโอลิงค์ และอินเตอร์เน็ต

ส่งสัญญาณถึงแฟนคลับ ดิสเครดิตรัฐบาลเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด โฟนอินเข้าไปในการประชุมพรรคเพื่อไทย จัดการเรื่องการลงมติไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น ยืนกรานให้นำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้

สอดรับกับทิศทางเคลื่อนไหวของม็อบเสื้อแดง

และแน่นอน ในห้วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม สุดยอดผู้นำอาเซียน ด้วยแนวทางการต่อสู้ของ "นายใหญ่" ที่ พยายามใช้ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทย

ย่อมต้องอาศัยห้วงที่มีการประชุมนานาชาติครั้งนี้ เคลื่อนไหว ใหญ่อีกครั้ง เพื่อให้ส่งผลในเวทีโลก

แต่จะมีการเคลื่อนไหวอย่างไร แบบไหน ส่งผลกระทบรุนแรง เพียงใด เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม

อย่างไรก็ตาม ทีมของเราขอย้ำว่า การประชุมอาเซียนซัมมิต ที่ชะอำ-หัวหิน ครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทยในสายตานานาชาติ

เมื่อประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ คนไทยทุกคนก็คือเจ้าภาพ

ดังนั้น คนไทยที่รักชาติ รักแผ่นดิน ก็ต้องช่วยกันทำหน้าที่ เจ้าบ้านและเจ้าภาพที่ดี เพื่อให้การประชุมอาเซียนซัมมิตครั้งนี้ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

เพราะถ้าเกิดความล้มเหลว ไม่ใช่รัฐบาลหรือใครคนใดคนหนึ่งล้มเหลว

แต่เป็นประเทศไทยที่ล้มเหลว.


วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ค่ายเซ็นทรัลจุดพลุเปิดรีสอร์ทหรูเหนือจินตนาการ@พัทยา

ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างจริงๆ สำหรับพิธีเปิดตัว อย่างเป็นทางการของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา บนหาดวงศ์อมาตย์ นาเกลือ พัทยาเหนือ.ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างจริงๆ สำหรับพิธีเปิดตัว อย่างเป็นทางการของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา บนหาดวงศ์อมาตย์ นาเกลือ พัทยาเหนือ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา งานนี้ เจ้าสัวจอมโปรเจกต์ "สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์" ใจป้าสุดๆทุ่มงบเกือบ 10 ล้านบาท เนรมิตรีสอร์ทหรูระดับห้าดาว ให้เป็นปาร์ตี้เปิดอาณาจักรเหนือจินตนาการ ภายใต้ คอนเซปต์ "ลอสท์ เวิลด์ อินเดียน่า โจนส์" สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่แขกเหรื่อหลายร้อยชีวิต ที่พร้อมใจกันแปลงร่างเป็นนักล่าสมบัติออกผจญภัยในโลกล้านปี

วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

มาเรีย คิริเรนโก้ ถึงพัทยาก่อนกำหนด

มาเรีย คิริเรนโก

ผู้คว่ำ "นางฟ้ามาเรีย" ร่วงออสเตรเลียนโอเพ่น วางแผนจะเดินทางมาถึงเมืองพัทยาก่อน 1 สัปดาห์ ก่อนสู้ศึก "พีทีที พัทยา โอเพ่น2010"...

นักเทนนิสสาวชาวรัสเซีย มาเรีย คิริเรนโก ผู้สร้างเซอร์ไพรส์ในวันแรกของการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียน โอเพ่น ด้วยการเอาชนะ มาเรีย ชาราโปวา หนึ่งในตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตกรอบในศึกแกรนด์สแลมแรกของปี คิริเรนโก้ วางแผนจะเดินทางมาถึงพัทยาก่อนกำหนดเพื่อปรับสภาพอากาศและเตรียมตัวให้พร้อม สำหรับการล่าแชมป์ พีทีที พัทยา โอเพ่น ชิงเงินรางวัล 220,000 เหรียญสหรัฐ แข่งระหว่างวันที่ 7-14 ก.พ.2553 ที่ โรงแรมดุสิตธานี พัทยา

คิริเรนโก เป็นนักเทนนิสที่จัดว่ามีทั้งความสามารถ และรูปร่างหน้าตาดี อีกคนในวงการ เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ด้วยการเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ที่โอ๊คแลนด์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอวางแผนจะเดินทางมาถึงเมืองพัทยาหนึ่งสัปดาห์ก่อนการแข่งขัน เพื่อปรับสภาพร่างกายให้คุ้นเคยกับสภาพอากาศที่เมืองพัทยา และเตรียมพร้อมสำหรับทัวร์นาเม้นท์นี้ มีโอกาสที่จะโคจรมาพบกับมือวาง อันดับต้นๆ ของรายการทั้ง เวร่า ซโวนาเรวา จากรัสเซีย และ ซาบีน ลิซิกกี้ จากเยอรมนี ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สองที่

สำหรับคิริเรนโก้ เข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ เมื่อ 3 ปีก่อนเธอต้องผิดหวังเมื่อพลาดท่าตกรอบแรก ทำให้เธอมีความมุ่งมั่นที่ทำผลงานให้ดีที่สุดพร้อมตั้งใจจะเข้าถึงรอบชิงชนะ เลิศให้ได้ พีทีที พัทยา โอเพ่น เป็นส่วนหนึ่งของโซนี่ อิริคสัน ดับเบิ้ลยูทีเอ ทัวร์ ได้รับความสนใจจากแฟนเทนนิสเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศสำรองบัตรเข้าชมการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศและ รอบชิงชนะเลิศเป็นจำนวนมาก มีการถ่ายทอดสดการแข่งขันไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก อาทิ รัสเซีย เยอรมนี อิตาลี เม็กซิโก อังกฤษ อเมริกา และเอเชียโดย STAR/ESPN

สำหรับบัตรเข้าชมการแข่งขันดังนี้ ในวันอาทิตย์ที่ 7 ก.พ. รอบควอลิฟาย ราคา 200 บาท วันจันทร์ที่ 8 - วันพฤหัสบดีที่ 11 ก.พ. ราคา 300, 500 และ 800 บาท วันศุกร์ที่ 12 - วันอาทิตย์ที่ 14 ก.พ. ราคา 300, 500, 800 และ 1,000 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันได้ที่ บริษัท เพนแทงเกิล โปรโมชั่น จำกัด โทรศัพท์ 02-3113414-5 โทรสาร 02-3113498 หรือเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ www.pentanglepromotions.com หรือ ติดต่อ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา โทรศัพท์ 02-262-3456 เว็บไซต์ www.thaiticketmajor.com

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

รถทัวร์ตีลังกา อดีตผวจ.เจ็บ!

จนท.ส่วนท้องถิ่น ส่งรพ.กว่า30ราย หน.คลังอบต.ตาย คณะผู้นำท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่การเงินการคลังไปศึกษาดูงานที่ระยอง? ถูกรถกระบะขับแซงปาดหน้าทำให้รถทัวร์เสียหลักพุ่งตกถนนพลิกคว่ำ? สาวหัวหน้าส่วนการคลัง อบต.ตายสยอง ส่วนที่เหลือบาดเจ็บระนาวอีก 36 ราย ในจำนวนนี้มีอดีต ผวจ.ร้อยเอ็ด? หัวหน้าคณะทำหน้าที่วิทยากรรวมอยู่ด้วย

อุบัติเหตุรถทัวร์พาคณะผู้นำท้องถิ่นเดินทางไปศึกษาดูงานในภาคตะวันออกเสียหลักพลิกคว่ำตายบาดเจ็บรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 21 เม.ย. ร.ต.ท. ณรงค์ศักดิ์ ไตรราช สารวัตรเวร สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถทัวร์พลิกคว่ำริมถนนสายหัวสนามบิน-แยกเกษมพล หมู่ 4 ต.สำนักท้อน มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพุทธธรรม หน่วยกู้ภัยสยามรวมใจ หน่วยกู้ภัยสว่างพรกุศล และเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง

พบรถทัวร์ยี่ห้อฮีโน่ 2 ชั้น ทะเบียน 31-5731 กรุงเทพมหานคร ของบริษัทธนัชวิชญ์ จำกัด พลิกคว่ำอยู่ริมถนนในสภาพพังยับเยินกระจกหน้าและด้านข้างแตก โดยมีนายวินัย เอี่ยมท่าไม้ อายุ 40 ปี คนขับ บาดเจ็บคิ้วขวาแตก ยืนรอให้การตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ ภายในซากรถยังพบผู้บาดเจ็บร้องไห้ระงม หน่วยกู้ภัยใช้เครื่องตัดถ่างงัดซากรถช่วยเหลือทั้งหมดออกมาลำเลียงส่ง รพ. บ้านฉาง 12 คน รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ 24 คน รวม 36 คน เสียชีวิตในเวลาต่อมา 1 คน ทราบชื่อนางนกน้อย ฉิมกุล อายุ 37 ปี ตำแหน่งหัวหน้าส่วนการคลัง อบต.สะเดา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ส่วนที่เหลือบาดเจ็บแขนขาหัก ศีรษะแตก หลังแพทย์ทำบาดแผลแล้วอนุญาตให้กลับได้ เหลือผู้ที่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.บ้านฉาง 1 คน และที่ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ 7 คน ในจำนวนนี้มีนายพินิจ พิชยกัลป์ อดีต ผวจ.ร้อยเอ็ด รวมอยู่ด้วย โดยนายพินิจบาดเจ็บมีบาดแผลบริเวณขาซ้าย ลำตัวมีรอยฟกช้ำ รักษาตัวที่ห้องศัลยกรรมชายมีแพทย์คอยดูแลอาการอย่างใกล้ชิด

สอบสวนผู้รอดชีวิตได้ความว่า ก่อนหน้านี้ทางสำนักนายกรัฐมนตรีได้พาเจ้าหน้าที่การเงินการคลัง สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นายกเทศมนตรี ปลัด อบต. และปลัดเทศบาลจากทั่วประเทศจำนวน 200 คน เดินทางไปศึกษาดูงานในพื้นที่ภาคตะวันออกเป็นรุ่นที่ 4 มีนายพินิจ พิชยกัลป์ อดีต ผวจ.ร้อยเอ็ด เป็นหัวหน้าคณะและทำหน้าที่วิทยากร โดยเมื่อคืนวันที่ 20 เม.ย. คณะทั้งหมดได้เข้าพักที่โรงแรมพัทยาปาร์ค จ.ชลบุรี ต่อมาในช่วงเช้าได้เดินทางต่อไปที่โรงแรมโกลเด้นซิตี้ระยอง ด้วยรถทัวร์ที่สำนักนายกฯจัดให้รวม 4 คัน เป็นพาหนะ บางส่วนขับรถส่วนตัวไปเอง ขณะที่รถทัวร์คันเกิดเหตุวิ่งนำหน้าขบวนมุ่งหน้าเข้า จ.ระยอง โดยไม่มีรถตำรวจนำขบวน ปรากฏว่ามีรถกระบะขับแซงปาดหน้าในระยะกระชั้นชิด นายวินัยหักพวงมาลัยรถหลบ ทำให้รถเสียหลักพุ่งตกถนนพลิกคว่ำมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว

ต่อมาเมื่อช่วงเย็นวันเดียวกันผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปเยี่ยมอาการของนายพินิจ พิชยกัลป์ ที่นอนพักรักษาตัวที่? รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์? อ.สัตหีบ? จ.ชลบุรี พบนายพินิจกำลังแต่งตัวเนื่องจากแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ โดยนายพินิจกล่าวว่า เห็นข่าวออกมาว่าตนสาหัสทำให้รู้สึกตกใจ ความจริงแค่บาดเจ็บน่องขวาเล็กน้อยเท่านั้น หลังแพทย์ฉีดยาแก้อักเสบแล้วอนุญาตให้กลับบ้านได้ พร้อมกันนี้นายพินิจยังได้กล่าวขอบคุณผู้สื่อข่าวที่เดินทางไปเยี่ยม ก่อนจะขอตัวไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บรายอื่น

เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา "อะเมซซิ่ง ธีม โฮเต็ล"แห่งแรกของเมืองไทย

จุดเด่นคือห้องพักทุกห้องหันเข้าสู่ทะเลหมด แถมตกแต่งมห้หรูหราด้วยสไตล์คอนเทม โพรารี่ ไทย สไตล พร้อม สระว่ายน้ำสไตล์ธีมพาร์ค ที่ตกแต่งได้อย่างน่าตื่นตา ตื่นใจสุดๆ...



รูปแบบสถาปัตยกรรมของโรงแรมที่ดูสวยงามแปลกตา ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ดึงดูดใจของที่นี่ประกอบด้วยตัวตึก 2 ตึก เชื่อมต่อกันด้วยสะพานเชือกแบบเดียวกับในหนังอินเดียน่า โจนส์ ตัวโรงแรมเสมือนถูกทิ้งให้รกร้างอยู่กลางพงไพร ส่งสัญญาณบ่งบอกว่า การผจญภัยแสนสนุกกำลังเริ่มต้นขึ้น



ภายในอาคารโรงแรมแบ่งพื้นที่ออกเป็น 18 ชั้น มีห้องพักจำนวน 555 ห้อง โดยทุกห้องหันหน้าออกทะเลหมด เปิดโอกาสให้แขก เหรื่อได้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพงดงามของทะเลพัทยาเต็มที่ ห้องพักของที่นี่ตกแต่งในแนวคอนเทม โพรารี่ ไทย สไตล์ ดูกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติรอบตัว ขนาดกว้างขวางกว่าโรงแรมทั่วไป มีให้เลือกทั้งเตียงเดี่ยวแบบคิงส์ไซส์ และเตียงคู่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยเพียบ



ใครที่มาเที่ยวทั้งครอบครัว ที่นี่ก็มีบริการห้องพักสุดพิเศษ Deluxe Family Residence rooms เข้าพักได้ถึง 5 คนต่อห้อง เหมาะกับแฟมิลี่กะทัดรัด ส่วนคนที่หวงแหนความเป็นส่วนตัวแนะนำให้จองห้องพักสไตล์ Grand Mirage Duplex Suites และ The Royal Suite เป็นห้องพักที่มี 2 ชั้น เชื่อมต่อกันด้วยบันได ภายในห้องสามารถเข้าพักได้ถึง 8 คน ขนาดห้องกว้างขวางมาก มีระเบียงตกแต่งสวยงาม พร้อมอ่างจากกุชชี่ และสระว่ายน้ำส่วนตัว ...ไฮโซสุดๆ ไม่ต้องยุ่งกับชาวบ้าน



จุดขายอีกอย่างของโรงแรมนี้ที่ต้องยกนิ้วให้คือ สระว่ายน้ำสไตล์ธีมพาร์ค ที่ตกแต่งได้อย่างน่าตื่นตา ตื่นใจสุดๆ เด็กๆเห็นเป็นต้องกรี๊ดสลบ เพราะมีทั้งน้ำตกจำลอง ถ้ำมหาสมบัติ สไลเดอร์ขนาดยักษ์ และหน้าผาจำลอง ให้กระโดดแทนสปริงบอร์ดเป็นที่สนุกสนานมาก